Medical Article

Home / Medical Article / รู้ก่อน บรรเทาได้ เจาะ 3 โรคยอดฮิตทางสมอง

รู้ก่อน บรรเทาได้ เจาะ 3 โรคยอดฮิตทางสมอง

รู้ก่อน บรรเทาได้ เจาะ 3 โรคยอดฮิตทางสมอง

banner  01 22 scaled

เมื่อเข้าสู่งสังคมผู้สูงอายุ สิ่งที่ทุกคนและคนที่มีผู้สูงวัยอยู่ในครอบครัวต้องเจอก็คือ  โรคภัยไข้เจ็บ และปัญหาสุขภาพที่สะสมไว้ตั้งแต่วัยทำงาน จนเข้าสู่วัยชรา   ซึ่งปัญหาที่น่ากังวลใจของผู้สูงวัยนั้นมีมากมายทั้งโรคเรื้อรังต่าง ๆ ที่เราคุ้นเคยเช่น เบาหวาน ความดัน ไขมัน  แต่รู้หรือไม่  ว่านอกจากโรคที่คุ้นเคยเหล่านี้แล้ว  โรคของความเสื่อมทางสมองที่คนในปัจจุบันเริ่มเป็นกันเยอะ ก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มปัญหาสุขภาพที่น่ากังวลเช่นกัน    บทความนี้มีเช็กลิสต์ 3 ปัญหาสุขภาพที่ผู้สูงอายุ ต้องเจอมาให้ได้รู้จัก เพื่อเฝ้าระวังและป้องกัน

healthtip bg3kh 1

อันตรายที่น่ากลัวของโรคหลอดเลือดสมอง 

#โรคหลอดเลือดสมอง หรือที่เรียกกันว่า #โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต  มีสาเหตุมาจากหลอดเลือดในสมองตีบ อุดตันและมีเลือดออกในสมอง เมื่อผู้ป่วยมีอาการของโรคหลอดเลือดสมอง ผลที่ตามมาก็คือ เซลล์สมองจะถูกทำลาย ทำให้สมองส่วนที่ควบคุมสูญเสียการทำหน้าที่ ขั้นรุนแรงก็เสียชีวิต รองลงมาคือพิการถาวร หรือ พิการที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวนาน  พูดไม่ชัด ควบคุมตนเองไม่ได้   มีความผิดปกติทางอารมณ์ หัวเราะ ร้องไห้แบบไม่มีเหตุผล เข้าสังคมลำบาก เกิดอาการปวดโดยไม่ทราบสาเหตุเนื่องจาก ศูนย์ควบคุมการทำงานในสมองทำงานผิดปกติ รวมไปถึงมีอาการหลงลืม คล้ายกับอัลไซเมอร์ เนื่องจากสาเหตุของหลอดเลือดที่อุดตัน  

โรคถัดมาที่ต้องกังวลในผู้สูงอายุและมีความเกี่ยวเนื่องกับโรคแรก   ก็คือ  โรคพาร์กินสัน   เพราะโรคหลอดเลือดสมองและโรคพาร์กินสัน   เพราะเป็นโรคที่มีผลต่อการทำงานของสมองและระบบประสาท โดยมีความเชื่อมโยงกัน  ในแง่ของการที่มีผลต่อระบบประสาทเหมือนกัน อาการแสดงที่คล้ายคลึงกัน  เช่น การเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ ความอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ  และปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคที่มีความใกล้เคียงกัน  เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และการสูบบุหรี่  เป็นต้น

healthtip bg3kh 2

พาร์กินสัน  โรคสั่นจากความเสื่อม

โรคพาร์กินสัน เป็นภาวะความเสื่อมของเซลล์สมอง ในส่วนก้านสมองที่เรียกว่า ซับสแตนเชียร์ไนกร้า พาร์ คอมแพกต้า (Substantia Nigra Pars Compacta) ซึ่งเซลล์สมองนั้นมีหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหว จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนไข้พาร์กินสันจึงมีอาการสั่น เกร็ง เคลื่อนไหวช้า ซึ่งส่วนใหญ่จะพบในผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป หากไม่รักษาส่วนใหญ่จะเกิดอัลไซเมอร์ตามมา

healthtip bg3kh 3

อาการหลัก ๆ ที่พบบ่อย

  • มีอาการสั่นขณะพัก เช่น ขณะนั่งนิ่ง ๆ มือจะสั่น แต่ถ้าเคลื่อนไหวหยิบสิ่งของมือจะไม่สั่น
  • การเคลื่อนไหวช้า การ ยืน เดิน นั่ง
  • การก้าวเท้าถี่ ๆ  และการหยุดเดินทำได้ยาก
  • อาการแข็งเกร็ง เช่น ใบหน้าแข็งเกร็งไร้ความรู้สึก ไม่สามารถแสดงความรู้สึกทางใบหน้าได้

สาเหตุเกิดจากสารพิษสะสมในร่างกาย   ภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัว ส่งผลให้เซลล์สมองได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ รวมถึง ผลข้างเคียงของยาหลายชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิตสูง ยานอนหลับ ยาต้านความเศร้าบางชนิด และยาเคมีหลายชนิด เป็นต้น  

และอีกหนึ่งโรคยอดฮิตทางสมองอันดับที่ 3   ที่พบได้บ่อย ๆ ในผู้สูงอายุ  คือ โรคอัลไซเมอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมได้ 

healthtip bg3kh 4

อัลไซเมอร์ โรคของความเสื่อมที่รู้ทัน ป้องกันได้ 

โรคอัลไซเมอร์ เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดหนึ่ง ซึ่งพบได้บ่อยที่สุด  โดยจะมีการเสื่อมของเซลล์สมองทุกๆส่วน  ผู้ป่วยจะสูญเสียความจำโดยเฉพาะความจำที่เพิ่งเกิดใหม่ ๆ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเอง  ไม่สามารถแยกแยะถูกผิด มีปัญหาในเรื่องการใช้ภาษา การสื่อสาร สูญเสียความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน ความจำเสื่อม ในระยะท้ายของโรคจะสูญเสียความจำทั้งหมด สับสน ก้าวร้าวรุนแรง หรือเกิดภาพหลอนและเสียชีวิตในที่สุด

โรคเหล่านี้นับว่าเป็นโรคยอดฮิตลำดับต้นของที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตผู้ป่วย เพราะเมื่อเป็นแล้วจะส่งผลให้ผู้ป่วยไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวัน เดิน หรือเคลื่อนไหว ได้ตามปกติ นับว่าส่งผลต่อการใช้ชีวิตและคุณภาพชีวิตเป็นอย่างมาก

แม้หลายคนจะมองว่าโรคเหล่านี้เป็นโรคร้ายแรง บางคนเป็นแล้วอาจจะหมดกำลังใจในการสู้กับโรค แต่รู้หรือไม่ว่าหากดูแลตนเองอย่างถูกวิธีก็สามารถฟื้นตัวได้เช่นกัน 

healthtip bg3kh 5

ความก้าวหน้าของการดูแลรักษาแบบการแพทย์บูรณาการ

ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ และการนำความรู้จากหลายศาสตร์ทางการแพทย์เข้ามาผสมผสาน ทำให้เราสามารถวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับเฉพาะบุคคล โดยมุ่งเน้นเข้าไปแก้ต้นเหตุของปัญหา เพื่อซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมไปแล้วให้มีโอกาสกลับมาทำงานได้สูงสุด ด้วยวิธีการ ดังนี้

  1. การบำบัดด้วยวิธีล้างสารพิษโลหะหนักออกจากร่างกาย  เพื่อลดการสะสมของสารพิษ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรค
  2. การใช้สารอาหารบำบัด  ที่มีงานวิจัยสนับสนุนว่ามีส่วนช่วยฟื้นฟูเซลล์สมอง ได้แก่ กรดอะมิโนจำเป็น วิตามิน กรดไขมันจำเป็น  แร่ธาตุ  และสารสกัดจากพืชที่มีประโยชน์ เช่น สารสกัดจากใบแปะก๊วย โสม ชาเขียว ถั่งเช่า เป็นต้น
  3. การปรับสมดุลฮอร์โมน หรือการใช้ฮอร์โมนทดแทน เพื่อแก้ไขความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อม
  4. การใช้เทคนิคภูมิต้านทานบำบัด เพื่อปรับสมดุลการตอบสนองของภูมิต้านทานและลดการอักเสบของเซลล์ในสมอง
  5. การใช้สารชีวโมเลกุลบำบัด หรือกลุ่มเซลล์บำบัด ซึ่งมีกรณีศึกษาว่ามีแนวโน้มจะได้ผลดีในการซ่อมแซมเซลล์สมองที่เสื่อมลง ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลทางเลือกของการรักษาใหม่ที่น่าสนใจ
  6. TMS: Transcranial Magnetic Stimulation ทำงานโดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อช่วยกระตุ้นเซลล์สมอง ช่วยให้สมองหลั่งสารสื่อประสาทที่ช่วยในการทำงานของสมอง ทำให้สมองกลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง โดยไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บ

ทุกๆ การรักษาเราจะพิจารณาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อให้แต่ละบุคคลได้รับการดูแลรักษาที่รากเหง้าของปัญหาอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่รักษาตามชื่อโรค หรือตามอาการของโรค เพราะเราเชื่อว่า การรักษาที่ดีที่สุดนั้น ต้องเริ่มจากการดูแลให้ร่างกายคนไข้เกิดประสิทธิภาพในการฟื้นฟูตัวเองได้สูงสุดนั่นเอง

error: Content is protected !!