10 วิธีป้องกันโรคเบาหวาน ทำได้ง่ายในชีวิตประจำวัน

โรคเบาหวาน (Diabetes) เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงของคนไทยในยุคปัจจุบัน ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต แต่ยังเป็นสาเหตุของภาวะแทรกซ้อนหลายประการที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นเราจึงควรมีความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงการเป็นโรคนี้
ในบทความนี้ Absolute Health จะชวนดู 10 วิธีป้องกันโรคเบาหวาน พร้อมเจาะลึกโรคเบาหวาน อาการ สาเหตุ วิธีป้องกัน อย่างครอบคลุม และแนะนำการรักษาดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ซึ่งไม่ใช่เพียงการควบคุมน้ำตาลในเลือดเท่านั้น แต่ต้องเข้าใจถึงสาเหตุและจัดการปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อย่างเป็นระบบ อ่านบทความนี้จบจะทำให้คุณเข้าใจได้ว่าเบาหวานดูแลได้ง่ายนิดเดียว หากทำความเข้าใจโรคนี้อย่างถูกต้อง
สถิติผู้ป่วยเบาหวานในประเทศไทย
สถานการณ์โรคเบาหวานในประเทศไทยในปัจจุบันถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจ จากข้อมูลสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย เมื่อเดือนมิถุนายน 2561 พบว่าคนไทย 1 คนใน 11 คน ในจำนวนประชากรไทยที่ 66 ล้านคน ป่วยด้วยเบาหวาน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และในปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคเบาหวานมากกว่า 6 ล้านคน
ข้อใดเป็นอาการของโรคเบาหวานที่ควรระวัง?
อาการของโรคเบาหวานที่ควรสังเกต มีหลายอาการที่อาจปรากฏในระยะเริ่มต้น ได้แก่ ปัสสาวะมากและบ่อย กระหายน้ำ รู้สึกหิวบ่อย เหนื่อยล้า ตาพร่า แผลหายช้า และชาตามมือเท้า หากพบอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างรวดเร็ว
การสังเกตอาการเบื้องต้นที่สำคัญ คือ ไม่ควรรอให้อาการรุนแรง เพราะโรคเบาหวานในระยะเริ่มต้นอาจไม่มีอาการชัดเจน การตรวจสุขภาพประจำปีจึงเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยตรวจพบโรคก่อนที่อาการจะปรากฏ
10 วิธีป้องกันโรคเบาหวาน
10 วิธีป้องกันโรคเบาหวานที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณห่างไกลจากความเสี่ยงการเกิดโรคนี้ได้มากขึ้น ได้แก่
1. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
การมีน้ำหนักเกินเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงโรคเบาหวาน เมื่อร่างกายมีไขมันสะสมมากเกินไป โดยเฉพาะบริเวณช่องท้อง จะทำให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายเกิดภาวะดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ จึงเป็นวิธีป้องกันโรคเบาหวานที่มีประสิทธิภาพสูง
2. เลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม
การเลือกรับประทานอาหารเป็นอีกวิธีช่วยป้องกันโรคเบาหวาน โดยต้องรับประทานให้ครบ 5 หมู่ อย่างเหมาะสม คือ ลดการบริโภคไขมันและอาหารแปรรูป เลือกอาหารที่ให้โปรตีนและใยอาหารสูงเป็นประจำ ตัวอย่างอาหารที่ควรเลือก ได้แก่
- ผักใบเขียว
- โปรตีนจากเนื้อปลา ไก่ ไข่
- ไขมันดีจากอะโวคาโด ถั่ว น้ำมันมะกอก
- หลีกเลี่ยงแป้ง น้ำตาล อาหารแปรรูป
3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายเป็นแนวทางการป้องกันโรคเบาหวานที่ได้ผลดี เพราะช่วยเพิ่มการใช้น้ำตาลของเซลล์กล้ามเนื้อ ลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน และช่วยควบคุมน้ำหนัก ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาที/สัปดาห์ หรือ 30 นาที/วัน เป็นเวลา 5 วัน/สัปดาห์
กิจกรรมที่แนะนำ
- เดินเร็ว
- ว่ายน้ำ
- ขี่จักรยาน
- โยคะ
4. หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้ กาแฟปรุงสำเร็จ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นวิธีป้องกันโรคเบาหวานที่ง่ายแต่มีประสิทธิภาพสูง
5. จัดการความเครียดอย่างเหมาะสม
ความเครียดเรื้อรังทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลมากเกินไป ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น การจัดการความเครียดด้วยวิธีต่างๆ เช่น สมาธิ การหายใจลึก การนวด หรือกิจกรรมที่ทำให้ผ่อนคลาย เป็นวิธีควบคุมเบาหวานที่สำคัญ
6. นอนหลับให้เพียงพอและมีคุณภาพ
การนอนหลับไม่เพียงพอหรือมีคุณภาพไม่ดีส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนควบคุมน้ำตาล ควรนอนหลับ 7-9 ชั่วโมง และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการนอนหลับที่มีคุณภาพ
7. ตรวจสุขภาพประจำปี
การตรวจสุขภาพเป็นประจำช่วยให้สามารถตรวจพบภาวะก่อนเป็นเบาหวานได้ก่อนที่จะพัฒนาเป็นโรคเบาหวาน ค่าน้ำตาลหลังอดอาหาร 8 ชม. ไม่ควรเกิน 100 mg/dL หากค่าอยู่ระหว่าง 100-125 mg/dL ถือว่าเป็นภาวะก่อนเป็นเบาหวาน
8. เลิกบุหรี่และจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์
การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์เกินขนาดเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน การเลิกบุหรี่และจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์เป็นวิธีป้องกันโรคเบาหวานที่มีประสิทธิภาพและยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคอื่นๆ อีกด้วย
9. ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ
การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ (8-10 แก้วต่อวัน) ช่วยให้ระบบเมแทบอลิซึมทำงานได้ดี ช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย และช่วยลดความรู้สึกหิวที่อาจทำให้รับประทานอาหารเกินความจำเป็น
10. สร้างนิสัยใหม่ที่ดีต่อสุขภาพ
การสร้างนิสัยใหม่ที่ดีต่อสุขภาพอย่างต่อเนื่องเป็นวิธีป้องกันโรคเบาหวานระยะยาว เริ่มจากการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ เช่น เลือกขึ้นบันไดแทนลิฟต์ เดินหรือปั่นจักรยานไปทำงาน หรือปรุงอาหารเองแทนการซื้ออาหารสำเร็จรูป
7 ปัจจัยเสี่ยงโรคเบาหวาน ที่คุณต้องระวัง
การทราบถึง 7 ปัจจัยเสี่ยงโรคเบาหวานจะช่วยให้เราสามารถประเมินความเสี่ยงของตนเองได้ และวางแผนการป้องกันโรคเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อทราบปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้แล้ว ก็นำมาปรับใช้กับ 10 วิธีป้องกันโรคเบาหวานที่อธิบายไว้ข้างต้นได้
1. อายุที่เพิ่มขึ้น
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้น้อยลงและเซลล์ต่างๆ จะตอบสนองต่ออินซูลินได้ลดลง โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
2. กรรมพันธุ์
โรคเบาหวานสัมพันธ์กับพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม หากมีพ่อแม่ พี่น้อง หรือญาติสายตรงเป็นเบาหวาน จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงได้มากขึ้น แต่บ่อยครั้งไม่สามารถแยกได้ชัดเจนระหว่างปัจจัยทางพันธุกรรมกับปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการเลี้ยงดูมักจะถ่ายทอดวิธีรับประทานอาหารและวิถีชีวิตไปด้วย
3. อาหารรสจัด
การรับประทานอาหารรสจัด เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงโรคเบาหวานที่สำคัญ โดยเฉพาะอาหารที่มีรสหวานจัด อาหารที่มีแป้งและน้ำตาลสูง อาหารแปรรูป อาหารจานด่วน และเครื่องดื่มหวาน ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ตับอ่อนต้องทำงานหนักในการผลิตอินซูลิน จนในที่สุดอาจเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลินได้
4. ไขมันในเลือดสูง
ปัจจัยเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับโรคเบาหวานอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะไตรกลีเซอไรด์สูง (มากกว่า 150 mg/dL) ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติมักพบร่วมกับภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของเบาหวานชนิดที่ 2
5. ความดันโลหิตสูง
ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง (มากกว่า 140/90 mmHg) มีความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานเพิ่มขึ้น เพราะทั้งสองภาวะมีปัจจัยสาเหตุร่วมกัน คือ ภาวะดื้อต่ออินซูลิน การอักเสบเรื้อรัง และความเครียดออกซิเดชั่น ความดันโลหิตสูงยังส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงตับอ่อน ทำให้การทำงานของตับอ่อนลดลง
6. ไม่ออกกำลังกาย การขาดออกกำลังกาย
ทำให้เซลล์กล้ามเนื้อใช้น้ำตาลได้น้อยลง เพิ่มภาวะดื้อต่ออินซูลิน การออกกำลังกายช่วยให้กล้ามเนื้อใช้น้ำตาลเป็นพลังงานได้ดีขึ้น ลดความต้านทานต่ออินซูลิน และช่วยควบคุมน้ำหนัก ผู้ที่นั่งทำงานเป็นเวลานานหรือมีกิจกรรมทางกายน้อย จึงมีความเสี่ยงสูงกว่าคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
7. โรคต่างๆ เช่น โรคอ้วน
โรคอ้วนโดยเฉพาะการสะสมไขมันบริเวณช่องท้องมีความเสี่ยงสูง ซึ่งหากวัดจาก BMI ค่าทั่วไปควรอยู่ที่ประมาณ 18.5-22.9 kg / m2 หากสูงกว่านั้นจะเป็นปัจจัยเสี่ยงของเบาหวาน เพราะไขมันที่สะสมจะหลั่งสารอักเสบต่างๆ ทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน นอกจากโรคอ้วนแล้ว โรคอื่นๆ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) โรคไขมันพอกตับ และกลุ่มอาการเมแทบอลิก ก็เพิ่มความเสี่ยงเช่นกัน
แนวทางการป้องกันโรคเบาหวานแบบการแพทย์บูรณาการ
การรักษาโรคเบาหวานแบบองค์รวม เป็นแนวทางที่ให้ความสำคัญถึงสาเหตุของโรคมากกว่าการรักษาอาการเพียงอย่างเดียว โดยการรักษารูปแบบนี้มีหลากหลายวิธี เช่น
- การใช้สารอาหารเสริมธรรมชาติ เพื่อช่วยปรับสมดุลการเผาผลาญของร่างกาย โดยการวิเคราะห์ระบบแร่ธาตุสารอาหารจำเป็น ระบบฮอร์โมน และออกแบบวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันผู้ใหญ่ แร่ธาตุและฮอร์โมนทดแทนเฉพาะบุคคล
- การบำบัดด้วยวิตามินและเกลือแร่ ที่ร่างกายขาด เพื่อเสริมให้ระบบต่างๆ กลับมาทำงานเป็นปกติดีดังเดิม
- การล้างพิษในร่างกาย ด้วยวิธีคีเลชั่นบำบัด (Chelation Therapy) เพื่อขับสารพิษจำพวกโลหะหนักออกจากร่างกาย เพราะการตกค้างของสารพิษเป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดการเสื่อมของตับอ่อน ทั้งยังส่งผลกระทบโดยตรงกับระบบการไหลเวียนเลือด
- การใช้วัคซีนจากตนเอง มีประโยชน์ในการดูแลโรคความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ เช่น เบาหวาน อัลไซเมอร์ โดยช่วยป้องกันการทำลายเซลล์และชะลอการดำเนินโรคได้ เนื่องจากโรคเรื้อรังมักมีการทำลายเซลล์ในวงกว้าง เซลล์ที่ตายอาจกระตุ้นระบบภูมิต้านทาน ส่งผลให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่ผิดปกติต่อต้านตัวเอง และเกิดการทำลายเซลล์เพิ่มขึ้น ทำให้โรคพัฒนาไปเร็ว
- เปปไทด์และการฟื้นฟูเซลล์ ปัจจุบันมีการวิจัยในการใช้ Mesenchymal Stromal Cell เพื่อการดูแลผู้ป่วยเบาหวานทั้งประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2 โดยเฉพาะด้านเปปไทด์ มีการนำเปปไทด์จากธรรมชาติสกัดจากเนื้อเยื่อเซลล์ใช้ในการดูแลโรคเรื้อรังต่างๆ
การลดความเสี่ยงเกิดโรคเบาหวานสามารถเริ่มต้นจากสิ่งง่ายๆ ที่ทำได้ในชีวิตประจำวัน โดยเน้นที่การสร้างนิสัยใหม่ทีละน้อย แล้วค่อยๆ เพิ่มเติมเมื่อร่างกายปรับตัวได้แล้ว การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนมักเกิดจากการเริ่มต้นเล็กๆ แต่ทำอย่างสม่ำเสมอ และสำหรับใครที่อยากดูแลโรคเบาหวานอย่างเข้มข้น ผ่านการแพทย์บูรณาการ Absolute Health ยินดีให้บริการ พร้อมคำปรึกษาเฉพาะบุคคล
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. โรคเบาหวานป้องกันได้จริงหรือไม่?
โรคเบาหวานชนิดที่ 2 สามารถป้องกันได้ เริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน อย่าง 10 วิธีป้องกันโรคเบาหวานที่กล่าวถึงในบทความนี้
2. เบาหวานอันตรายไหม หากไม่ได้รับการดูแล?
เบาหวานอันตรายไหม คำตอบคือ อันตราย หากโรคเบาหวานไม่ได้รับการควบคุมที่ดี จะเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง
ภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานที่อันตราย ได้แก่
- โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ อาการ เช่น เจ็บแน่นหน้าอก หายใจลำบาก
- ไตวายเรื้อรัง
- ตาบอดจากเบาหวาน
- เส้นประสาทเสื่อม (เบาหวานลงปลายประสาท)
- การตัดขาจากแผลเรื้อรัง
- โรคอัลไซเมอร์ อาการเริ่มต้น เช่น ลืมสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ เริ่มเสียความทรงจำระยะสั้น
3. วิธีป้องกันโรคเบาหวานที่ง่ายที่สุดคืออะไร?
วิธีที่ง่ายคือ การเริ่มเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่ทำได้ในชีวิตประจำวัน อย่างที่กล่าว ไปใน 10 วิธีป้องกันโรคเบาหวานข้างต้น เช่น
- ลดการดื่มเครื่องดื่มหวาน เปลี่ยนเป็นน้ำเปล่า
- เดิน 30 นาทีทุกวัน
- เลือกรับประทานข้าวกล้องแทนข้าวขาว
- เพิ่มผักในทุกมื้ออาหาร
- นอนหลับให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
ดูแลสุขภาพแบบองค์รวมกับ Absolute Health
Absolute Health คือ ศูนย์ดูแลรักษาสุขภาพแบบบูรณาการมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี ที่ผสมผสานการแพทย์แผนปัจจุบันกับการแพทย์ทางเลือกที่ผ่านการศึกษาและมีหลักฐานสนับสนุน เรามีทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ พร้อมการพัฒนาความรู้อย่างต่อเนื่องด้วยการประชุมแพทย์เพื่ออัปเดตข้อมูลทุกเดือน นอกจากนี้ การรักษาของเราเป็นการรักษาเฉพาะแต่ละบุคคล เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
Absolute Health ให้การดูแลแบบองค์รวม ทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และวิถีชีวิต ไม่ว่าจะเป็น การแพทย์ชะลอวัย โดยแพทย์ชะลอวัยที่มีประสบการณ์ รักษาโรคเบาหวานแบบองค์รวม การเสริมภูมิคุ้มกัน รวมถึงการดูแลผู้ที่กังวลเรื่องฮอร์โมนตก วัยทอง สมองเสื่อม อาการต่างๆ ไปจนถึงหลอดเลือดสมองตีบและรักษา
ติดต่อเราวันนี้เพื่อรับคำปรึกษาจากทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการแพทย์บูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย
Website: http://www.absolutehealth.co.th/
E-mail: [email protected]
Address: Absolute Health: Integrative Medicine
20/2-7 Ruam Rudee Village
Soi Ruamrudee, Ploenchit Rd., Lumpini, Pathumwan, Bangkok 10330
เวลาทำการ: จันทร์-อาทิตย์ 9.00 – 18.00 น.