Medical Article

Home / Medical Article / ภัยเงียบที่ต้องรู้! เข้าใจโรคเบาหวาน อาการ สาเหตุ และวิธีป้องกัน

ภัยเงียบที่ต้องรู้! เข้าใจโรคเบาหวาน อาการ สาเหตุ และวิธีป้องกัน

ภัยเงียบที่ต้องรู้! เข้าใจโรคเบาหวาน อาการ สาเหตุ และวิธีป้องกัน

[Absolute Health] SEO NOV C01 1 1200x628

โรคเบาหวาน คือ ภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพคนไทยอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่น่ากังวลคือกลุ่มผู้ป่วยมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ แสดงให้เห็นว่าโรคนี้ไม่ใช่เรื่องของคนสูงอายุอีกต่อไป แต่เป็นวิกฤตที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตสมัยใหม่ โรคเบาหวานไม่ได้เพียงส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น แต่ยังเป็นตัวเร่งสำคัญของภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ และความเสี่ยงสมองเสื่อม

บทความนี้ Absolute Health จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเบาหวาน อาการ สาเหตุ และวิธีป้องกันพร้อมทั้งนำเสนอแนวทางการดูแลสุขภาพแบบบูรณาการ ที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาที่รากเหง้า ฟื้นฟูสมดุลร่างกาย และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อช่วยให้คุณสามารถป้องกันและอยู่ร่วมกับโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

โรคเบาหวานคืออะไร? ทำไมต้องให้ความสำคัญ 

การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ โรคเบาหวาน อาการ สาเหตุ วิธีป้องกัน เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน โรคเบาหวานเป็นภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติอย่างต่อเนื่อง เกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถผลิตหรือใช้ฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้กลไกการเผาผลาญน้ำตาลในร่างกายทำงานผิดปกติ

ที่น่ากังวลคือ โรคเบาหวานเป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอันตราย และกระทบต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว เช่น เป็นสาเหตุหลักของ ภาวะไตวาย โรคตาบอด การสูญเสียอวัยวะ โรคหัวใจ และอัลไซเมอร์ได้ ดังนั้น นอกจากจะต้องสังเกตอาการของโรคเบาหวานแล้ว ควรสังเกต 10 อาการเตือนโรคหัวใจ อาการสมองเสื่อม ไปจนถึงอาการเริ่มต้นของโรคอัลไซเมอร์  ด้วยเช่นกัน เพราะเบาหวานคือปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่เพิ่มโอกาสให้เกิดโรคเหล่านี้

ประเภทโรคเบาหวาน

โรคเบาหวานสามารถจำแนกออกเป็น 4 ชนิดหลัก โดยแต่ละชนิดมีลักษณะและกลไกการเกิดที่แตกต่างกัน ดังนี้

โรคเบาหวานชนิดที่ 1 

เบาหวานชนิดนี้เกิดจากการที่เซลล์ตับอ่อนถูกทำลายโดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเอง ส่งผลให้เกิดการขาดอินซูลินอย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันหันกลับมาโจมตีเซลล์เบตา (Beta Cells) ในตับอ่อนที่ทำหน้าที่ผลิตอินซูลิน โรคเบาหวานชนิดนี้มักพบในเด็กและวัยรุ่น แม้ว่าจะสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงอายุก็ตาม ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการฉีดอินซูลินเพื่อทดแทนฮอร์โมนที่ขาดหายไปตลอดชีวิต

โรคเบาหวานชนิดที่ 2

เป็นชนิดที่พบมากที่สุด คิดเป็นประมาณร้อยละ 95 ของผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด สาเหตุหลักมาจากภาวะที่เซลล์ในร่างกายดื้อต่อการทำงานของอินซูลิน ทำให้แม้ร่างกายจะผลิตอินซูลินออกมา แต่เซลล์ก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากน้ำตาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โรคเบาหวานชนิดนี้มักพบในผู้ใหญ่ โดยเฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพบว่ามีผู้ป่วยในกลุ่มวัยรุ่นและเด็กเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิต

โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์

เป็นโรคเบาหวานที่เกิดขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์ โดยมักเริ่มแสดงอาการในไตรมาสที่ 2-3 ของการตั้งครรภ์ สาเหตุมาจากการที่ฮอร์โมนต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ส่งผลให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน แม้ว่าระดับน้ำตาลมักจะกลับมาเป็นปกติหลังคลอดบุตร แต่ผู้ที่เคยเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคต

โรคเบาหวานที่มีสาเหตุจำเพาะ

เป็นเบาหวานที่เกิดจากสาเหตุเฉพาะเจาะจงต่างๆ ซึ่งมีความหลากหลาย เช่น โรคทางพันธุกรรมที่ส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ตับอ่อน โรคของตับอ่อนเอง เช่น ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง โรคของต่อมไร้ท่ออื่นๆ รวมถึงการใช้ยาบางชนิดที่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด เช่น สเตียรอยด์ หรือการติดเชื้อไวรัสบางชนิด 

การรู้จักและแยกแยะชนิดของเบาหวานเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการวางแผนการบำบัดที่เหมาะสม

อาการเบาหวานเริ่มต้น 

การรู้จักอาการเบาหวานในระยะเริ่มต้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถตรวจพบโรคได้ตั้งแต่เนิ่นๆ วิธีสังเกตว่าเป็นเบาหวานสามารถทำได้จากการสังเกตอาการต่างๆ ดังนี้

  • ปัสสาวะบ่อย: เป็นหนึ่งในอาการเด่นที่สุด เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดสูงทำให้ไตทำงานหนักในการขับน้ำตาลออกทางปัสสาวะ โดยปริมาณปัสสาวะจะมากกว่าปกติด้วย
  • กระหายน้ำบ่อย: เนื่องจากร่างกายสูญเสียน้ำจากการปัสสาวะบ่อย ทำให้รู้สึกกระหายน้ำตลอดเวลา
  • หิวบ่อย: แม้จะรับประทานอาหารแล้วก็ยังรู้สึกหิว เพราะเซลล์ได้รับพลังงานจากน้ำตาลไม่เพียงพอ
  • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ: ร่างกายเผาผลาญโปรตีนและไขมันแทนน้ำตาล ทำให้น้ำหนักลดลงแม้จะรับประทานอาหารปกติ
  • รู้สึกเหนื่อยล้าง่าย: เซลล์ขาดพลังงานจากน้ำตาล ส่งผลให้รู้สึกอ่อนเพลียตลอดเวลา
  • ตาพร่ามัว: ระดับน้ำตาลสูงส่งผลต่อเลนส์ของตา ทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน
  • แผลหายช้า: ระดับน้ำตาลสูงทำให้กระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อช้าลง และมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง
  • ปวดชาตามมือและเท้า: เกิดจากการที่เส้นประสาทถูกทำลายจากระดับน้ำตาลสูง
  • อาการคัน: เกิดจากความแห้งของผิวหนังและการติดเชื้อประเภทเชื้อราง่าย

หากคุณพบอาการดังกล่าวควรตรวจเช็กเบาหวานเบื้องต้นโดยการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดโดยเร็ว เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและบำบัดที่เหมาะสมก่อนที่โรคจะลุกลามมากขึ้น

สาเหตุของโรคเบาหวาน เกิดจากอะไร 

ปัจจัยด้านพันธุกรรม

สำหรับโรคเบาหวาน กรรมพันธุ์เป็นปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสให้เป็นโรคนี้ได้ หากมีพ่อแม่หรือญาติใกล้ชิดเป็นเบาหวาน คุณก็มีความเสี่ยงสูงขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นโรคนี้อย่างแน่นอน

ปัจจัยด้านวิถีชีวิตและสิ่งแวดล้อม

วิถีชีวิตยุคดิจิทัลที่เร่งรีบ การบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม ขาดการออกกำลังกาย ความเครียด และการพักผ่อนไม่เพียงพอ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคเบาหวาน นอกจากนี้ยังรวมถึงการสัมผัสสารพิษและสารปนเปื้อน ทั้งยาฆ่าแมลงจากผักผลไม้ เนื้อสัตว์ที่มีสารเคมีปนเปื้อน และมลพิษทางอากาศ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในร่างกายและทำให้เกิดภาวะดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน

ระดับน้ำตาลในเลือด

เบาหวานค่าปกติเท่าไหร่ เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย โดยค่ามาตรฐานขึ้นอยู่กับวิธีการตรวจโรคเบาหวาน ดังนี้

1. การตรวจระดับน้ำตาลหลังอดอาหาร

เป็นวิธีมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยใช้วิธีเจาะเลือดหลังอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง โดยมีเกณฑ์มาตรฐานดังนี้

  • ค่าปกติ: ระดับน้ำตาลไม่เกิน 100 มก./ดล.
  • ภาวะก่อนเบาหวาน: ค่าอยู่ระหว่าง 100-125 มก./ดล.
  • เบาหวาน: ค่าเกิน 126 มก./ดล. ติดกันมากกว่า 2 ครั้ง

สำหรับผู้ป่วยควรควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ระหว่าง 90-130 มก./ดล.

2. การทดสอบความทนต่อกลูโคส 

เป็นการให้ผู้รับการตรวจรับประทานกลูโคสขนาด 75 กรัม จากนั้นตรวจระดับน้ำตาลในเลือดที่ 2 ชั่วโมงหลังดื่ม หากพบว่ามีค่า ≥ 200 มก./ดล. ถือว่าเป็นเบาหวาน วิธีนี้มักใช้ในการตรวจคัดกรองเบาหวานขณะตั้งครรภ์หรือในกรณีที่มีข้อสงสัยว่าเป็นภาวะก่อนเบาหวาน

3. การตรวจระดับน้ำตาลสะสม (HbA1C)

การตรวจค่าน้ำตาลสะสม (A1C) หากพบว่ามีค่า ≥ 6.5% ถือว่าเป็นเบาหวาน หากอยู่ระหว่าง 6.0 – 6.4% ถือว่าอยู่ในความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน

[Absolute Health] SEO NOV C01 2 1200x628

วิธีป้องกันโรคเบาหวาน 

10 วิธีป้องกันโรคเบาหวานที่สามารถทำได้วันนี้ และทำได้ไม่ยาก ได้แก่ 

  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • เลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เช่น ว่ายน้ำ เดินเร็ว ปั่นจักรยาน
  • หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
  • จัดการความเครียดอย่างเหมาะสม 
  • นอนหลับให้เพียงพอและมีคุณภาพ 7-9 ชั่วโมง 
  • ตรวจสุขภาพประจำปี
  • เลิกบุหรี่และจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์
  • ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ 8-10 แก้ว/วัน
  • สร้างนิสัยใหม่ เพื่อสุขภาพที่ดีระยะยาว 

แนวทางการดูแลเบาหวานแบบบูรณาการ

การบำบัดโรคเบาหวานแบบองค์รวมให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาที่รากเหง้ามากกว่าการบรรเทาอาการชั่วคราว ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ได้แก่

  • การฟื้นฟูสมดุลร่างกายด้วยสารจากธรรมชาติ 

วิเคราะห์ความต้องการของร่างกายในด้านแร่ธาตุ สารอาหาร และฮอร์โมน แล้วจึงเข้าร่วมโปรแกรมวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันผู้ใหญ่ รวมถึงแร่ธาตุ และฮอร์โมนที่เหมาะกับแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ

  • การเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป 

เสริมวิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการ เพื่อกระตุ้นให้อวัยวะและระบบต่างๆ ฟื้นฟูกลับสู่สภาพปกติ

  • การกำจัดพิษสะสม 

หรือเรียกว่า เทคนิคคีเลชั่นบำบัด (Chelation Therapy) เป็นการกำจัดสารโลหะหนักและสารพิษออกจากร่างกาย เพราะสารเหล่านี้เป็นตัวการทำลายตับอ่อนและระบบหมุนเวียนโลหิต

  • การกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนส่วนตัว 

ช่วยชะลอการทำลายเซลล์ในโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน และอัลไซเมอร์ โดยป้องกันไม่ให้ภูมิคุ้มกันหันมาโจมตีเซลล์ของตัวเอง 

  • เทคโนโลยีเปปไทด์และเซลล์บำบัด 

นำเปปไทด์ธรรมชาติและเซลล์ Mesenchymal Stromal Cell มาใช้ฟื้นฟูผู้ป่วยเบาหวานทุกประเภท

สรุปโรคเบาหวานในภาพรวม คือโรคที่เกิดจากความผิดปกติในกระบวนการเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงาน ส่งผลให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำลายเซลล์และอวัยวะต่างๆ ในร่างกายในระยะยาวผ่านกลไกของไกลเคชันและอนุมูลอิสระ ชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด คือ เบาหวานชนิดที่ 2 สาเหตุมาจากทั้งปัจจัยทางพันธุกรรมและวิถีชีวิต แต่สามารถป้องกันและควบคุมได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและวิถีชีวิต ร่วมกับการดูแลแบบองค์รวมที่ครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ 

การเข้าใจเกี่ยวกับโรคเบาหวาน อาการ สาเหตุ และวิธีป้องกันจะช่วยให้คุณสามารถดูแลสุขภาพของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง หากคุณมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน หรือต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพแบบบูรณาการ ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ Absolute Health พร้อมให้คำปรึกษาและออกแบบแผนการดูแลรักษาโรคเบาหวานแบบองค์รวมที่เหมาะสมสำหรับคุณโดยเฉพาะ 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) 

1. เป็นเบาหวานหายได้ไหม? 

เบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่ต้องดูแลอย่างต่อเนื่อง ยังไม่สามารถทำให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ โดยเฉพาะเบาหวานชนิดที่ 2 ในระยะเริ่มต้น หากปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตอย่างจริงจัง เช่น การควบคุมอาหาร ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ลดน้ำหนัก และจัดการความเครียด อาจทำให้ระดับน้ำตาลกลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ลดความเสี่ยงที่อันตรายได้ 

2. ทำไมเบาหวานถึงทำให้แผลหายช้า?

ระดับน้ำตาลสูงทำให้เกิดภาวะไกลเคชั่นซึ่งทำลายโปรตีนที่จำเป็นต่อการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ การไหลเวียนเลือดลดลงทำให้แผลได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ระบบภูมิคุ้มกันทำงานไม่ดี เพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ นอกจากนี้เส้นประสาทเสื่อมทำให้ไม่รู้สึกเจ็บ อาจไม่ทันสังเกตแผลตั้งแต่เนิ่นๆ

3. การแพทย์บูรณาการช่วยดูแลเบาหวานได้อย่างไร?

มุ่งเน้นการจัดการสาเหตุที่ต้นตอมากกว่าแค่การลดน้ำตาล โดยตรวจหาปัจจัยเสี่ยงอย่างครอบคลุม ออกแบบแผนดูแลเฉพาะบุคคล ช่วยให้เซลล์ตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น ลดการอักเสบเรื้อรัง ฟื้นฟูตับอ่อน ส่งผลให้ควบคุมโรคได้อย่างยั่งยืนและมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น

ดูแลสุขภาพแบบองค์รวมกับ Absolute Health

Absolute Health คือ ศูนย์ดูแลรักษาสุขภาพแบบบูรณาการมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี ที่ผสมผสานการแพทย์แผนปัจจุบันกับการแพทย์ทางเลือกที่ผ่านการศึกษาและมีหลักฐานสนับสนุน เรามีทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ พร้อมการพัฒนาความรู้อย่างต่อเนื่องด้วยการประชุมแพทย์เพื่ออัปเดตข้อมูลทุกเดือน นอกจากนี้ การรักษาของเราเป็นการรักษาเฉพาะแต่ละบุคคล เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด

Absolute Health ให้การดูแลแบบองค์รวม ทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และวิถีชีวิต ไม่ว่าจะเป็น การแพทย์ชะลอวัย โดยแพทย์ชะลอวัยที่มีประสบการณ์ รักษาโรคเบาหวานแบบองค์รวม การเสริมภูมิคุ้มกัน รวมถึงการดูแลผู้ที่กังวลเรื่องฮอร์โมนตก วัยทอง สมองเสื่อม อาการต่างๆ ไปจนถึงหลอดเลือดสมองตีบและรักษา

ติดต่อเราวันนี้เพื่อรับคำปรึกษาจากทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการแพทย์บูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย 

Website: http://www.absolutehealth.co.th/  

E-mail: [email protected] 

Address: Absolute Health: Integrative Medicine

20/2-7 Ruam Rudee Village

Soi Ruamrudee, Ploenchit Rd., Lumpini, Pathumwan, Bangkok 10330

เวลาทำการ: จันทร์-อาทิตย์ เวลา 9.00 – 18.00 น.