Medical Article

Home / Medical Article / 10 อาการเตือนโรคหัวใจ ที่ควรเฝ้าระวัง

10 อาการเตือนโรคหัวใจ ที่ควรเฝ้าระวัง

10 อาการเตือนโรคหัวใจ ที่ควรเฝ้าระวัง

[Absolute Health] SEO OCT 01 01

โรคหัวใจ เป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนทั่วโลก จากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขระหว่างปี พ.ศ. 2555-2558 พบว่าอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสถิติระดับโลกระบุว่าทุก 2 วินาที จะมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ 1 คน แต่สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้น คือ ร้อยละ 45 ของผู้ป่วยโรคหัวใจมักเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลันและเสียชีวิตโดยไม่มีอาการนำมาก่อน

ในบทความนี้ Absolute Health จะพามารู้จัก 10 อาการเตือนโรคหัวใจ ที่คุณสามารถเฝ้าระวังและดูแลสุขภาพของตัวเองรวมทั้งคนที่เรารักได้อย่างทันท่วงที พร้อมเล่าถึงสาเหตุ กลุ่มเสี่ยง รวมถึงวิธีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ ห่างไกลจากโรคร้าย

10 อาการเตือนโรคหัวใจที่ควรระวัง

หากถามว่าอาการของโรคหัวใจระยะแรกมีอะไรบ้าง สามารถสังเกตได้จากอาการเตือนทั้ง 10 ข้อนี้ ได้แก่

1.เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก

หากกล่าวถึงโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ อาการที่พบบ่อยที่สุด คือ อาการเจ็บหรือแน่นหน้าอกบริเวณด้านซ้ายหรือกลางลิ้นปี่ เหมือนกับมีอะไรมาทับไว้ อาการนี้เกิดจากหัวใจได้รับเลือดและออกซิเจนไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดในบรรดา 10 อาการเตือนโรคหัวใจ หากรู้สึกแน่นหน้าอกหรือเจ็บหน้าอกอย่างผิดปกติ โดยเฉพาะเมื่ออาการรุนแรงและต่อเนื่องนานกว่า 5-10 นาที ควรรีบพบแพทย์ทันที

2. ใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ

อาการใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นหนึ่งใน 10 อาการเตือนโรคหัวใจที่สำคัญเช่นกัน โดยที่อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวหรือต่อเนื่อง บางครั้งอาจรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นชั่วขณะหรือเต้นเร็วผิดปกติ หากมีอาการเหล่านี้บ่อยครั้ง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยละเอียด

3. เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก

หากรู้สึกเหนื่อยล้าง่ายกว่าปกติ แม้ทำกิจกรรมเบาๆ หรือไม่ได้ออกแรงมากก็ตาม อาจเป็นสัญญาณว่าประสิทธิภาพในการสูบฉีดของหัวใจลดลง สูบฉีดเลือดได้ไม่เพียงพอ ถือเป็นหนึ่งใน 10 อาการเตือนโรคหัวใจระยะแรกที่ไม่ควรมองข้าม

4. เวียนศีรษะ หน้ามืด

อาการเวียนหัว เป็นลม หน้ามืด หรือรู้สึกมึนงงต่างๆ สามารถเกิดขึ้นได้จากการที่หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ หรือมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โดยเฉพาะเมื่อลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว หรือเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน หากมีอาการเหล่านี้ร่วมกับ 10 อาการเตือนโรคหัวใจอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการตรวจวินิจฉัยต่อไป

5. เหงื่อออกมากจนผิดปกติ

หากร่างกายมีเหงื่อออกมากผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน ทั้งที่ไม่ได้ออกแรงหนักหรืออยู่ในที่ร้อน ก็ถือเป็นหนึ่งใน 10 อาการโรคหัวใจที่ควรเฝ้าระวังด้วยเช่นกัน โดยสังเกตว่าเหงื่อที่ออกมาเย็นและเหนียวหรือไม่ เนื่องจากเหงื่อดังกล่าวมักเกิดจากการที่ร่างกายพยายามลดอุณหภูมิร่างกายจากการที่หัวใจทำงานหนัก

6. อ่อนเพลีย

อาการอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง แม้จะได้พักผ่อนเพียงพอแล้ว อาจเป็น 1 ใน 10 อาการเตือนโรคหัวใจ เนื่องจากหัวใจมีประสิทธิภาพในการสูบฉีดลดลง ร่างกายได้รับออกซิเจนจากเลือดไม่เพียงพอ ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียในที่สุด ดังนั้น หากมีอาการดังกล่าวโดยที่ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ควบคู่กับ 10 อาการเตือนโรคหัวใจอื่นๆ ก็อาจมีความเสี่ยงได้

7. คลื่นไส้ อาเจียน

อาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือจุกเสียดแน่นท้อง โดยเฉพาะในผู้หญิง ก็สามารถเกิดขึ้นจากโรคหัวใจได้เช่นกัน หากมีอาการคลื่นไส้ ควบคู่กับอาการอื่นๆ เช่น เจ็บหน้าอก หรือเหงื่อออกผิดปกติ ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ควรละเลย

8. ขาบวม ข้อเท้าบวม ปวดเมื่อย

การบวมของขา ข้อเท้า หรือเท้า โดยที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการเดิน การใช้งานต่างๆ ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งใน 10 อาการเตือนโรคหัวใจได้ เนื่องจากหัวใจทำงานได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นประสิทธิภาพการสูบฉีดเลือดของหัวใจจึงลดลง ทำให้ของเหลวในร่างกายเกิดคั่ง โดยเฉพาะในร่างกายช่วงล่าง และมักจะเห็นได้ชัดในช่วงเวลาเย็น

9. นอนไม่หลับ หลับไม่สนิท

การนอนไม่หลับสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และโรคหัวใจก็อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุได้เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อหายใจติดขัดขณะนอนราบ และต้องนอนสูงโดยใช้หมอนหลายใบหรือต้องนั่งนอนเพื่อลดอาการหายใจลำบาก หรือตื่นกลางคันจากอาการสำลักหายใจไม่สะดวก หากมีอาการดังกล่าวควบคู่กับ 10 อาการเตือนโรคหัวใจอื่นๆ ก็อาจจะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ

10. ปวดร้าวไปที่แขน ไหล่ หรือคอ

อาการปวดจากหน้าอกอาจลามไปยังแขนซ้าย ไหล่ คอ ขากรรไกร หรือสะบัก ถือเป็นส่วนหนึ่งใน 10 อาการเตือนโรคหัวใจที่สำคัญ โดยเฉพาะเมื่อมีอาการปวดพร้อมๆ กับอาการเจ็บหน้าอก หากมีอาการปวดร้าวผิดปกติ โดยเฉพาะร่วมกับอาการอื่นๆ ควรรีบพบแพทย์ เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยและรักษาต่อไป

สาเหตุของโรคหัวใจ

อย่างที่กล่าวไปว่า มีผู้ป่วยโรคหัวใจหลายคนที่เสียชีวิตโดยที่ไม่ทราบอาการล่วงหน้ามาก่อน ทำให้หลายๆ คนสงสัยว่าการเป็นโรคหัวใจมักจะมีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง โดยสาเหตุของโรคหัวใจหลักๆ นั้น เกิดจากการอักเสบในหลอดเลือด ที่นำไปสู่การเกิดลิ่มเลือดและอุดตันในที่สุด

ซึ่งการอักเสบของหลอดเลือดในโรคหัวใจ ยังไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด แต่ทางการแพทย์เชื่อว่าสาเหตุหลักเกิดขึ้นจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่

  • ไขมันในเลือดสูง: ระดับไขมันในเลือดสูงจากคอเลสเตอรอล หรือไตรกลีเซอไรด์สามารถทำให้เกิดการสะสมในผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดการอุดตันในเส้นเลือด และส่งผลกับหัวใจในที่สุด
  • ความดันโลหิตสูง: ความดันโลหิตสูง ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้นในการสูบฉีดเลือด และยังส่งผลต่อความแข็งแรงของผนังเส้นเลือดด้วย
  • ความผิดปกติของร่างกาย: เช่น ความผิดปกติของหัวใจ จากโรคลิ้นหัวใจต่างๆ หัวใจเต้นผิดปกติ หรือโรคประจำตัวอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน
  • การติดเชื้อ: การติดเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย ปรสิต สารพิษบางชนิดมีความเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิต: เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ทานอาหารที่มีไขมันสูง ขาดการออกกำลังกาย ก็สามารถกระตุ้นให้เกิดโรคหัวใจได้
  • สุขภาพจิต: สุขภาพจิตด้านลบ เช่น ความเครียด และภาวะซึมเศร้าสามารถส่งผลต่อโรคหัวใจได้เช่นกัน
  • ปัจจัยทางพันธุกรรม: หากคุณมีพ่อแม่ หรือคนในครอบครัวตามสายเลือดที่เคยป่วยเป็นโรคหัวใจ คุณก็อาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจสูงกว่าคนทั่วไป

ผู้ที่มีความเสี่ยงหรือแนวโน้มที่จะเป็นโรคหัวใจ

ผู้ที่มีความเสี่ยงหรือแนวโน้มที่จะเป็นโรคหัวใจสูง มีดังนี้

  • ผู้ที่มีพ่อแม่ หรือคนในครอบครัวตามสายเลือดที่เคยป่วยเป็นโรคหัวใจ อาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจสูงกว่าคนทั่วไป
  • ผู้ป่วยเบาหวาน อาจมีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไปถึง 2-4 เท่า
  • ผู้ที่มีภาวะอ้วน น้ำหนักเกินเกณฑ์ และขาดการออกกำลังกายที่เหมาะสม
  • ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลและไขมันสูง
  • ผู้สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
  • ผู้ที่มีความเครียดสูง

วิธีเช็กว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจไหม

วิธีเช็กว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจไหม สามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน ทั้งการตรวจเช็กด้วยตนเอง และการตรวจสุขภาพ ตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ ดังนี้

การสังเกตอาการเบื้องต้น

สังเกตร่างกายตนเองจาก 10 อาการเตือนโรคหัวใจที่กล่าวไปข้างต้น หากพบว่าตนเองมีอาการตามที่กล่าวมา ควรพบแพทย์โดยเร็วเพื่อตรวจวินิจฉัยต่อไป

การตรวจสุขภาพเบื้องต้น

ตรวจวัดความดันโลหิต ชั่งน้ำหนัก และวัดรอบเอวเป็นประจำ เพื่อประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น

การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG)

การวินิจฉัยโรคหัวใจเบื้องต้น ด้วยการใช้เครื่องมือวัดกระแสไฟฟ้าที่กล้ามเนื้อหัวใจผลิตออกมาระหว่างที่บีบตัว ช่วยให้แพทย์ทราบถึงอัตราการเต้นของหัวใจ จังหวะการเต้นของหัวใจ และตรวจพบความผิดปกติเหล่านี้ได้

การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiogram)

เป็นการตรวจวินิจฉัยโรคหัวใจด้วยการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงจากหัวตรวจชนิดพิเศษ ส่งผ่านทรวงอก เข้าสู่หัวใจและสะท้อนกลับมา เพื่อตรวจหาความผิดปกติของโครงสร้างและการทำงานของหัวใจโดยละเอียด

การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (Exercise Stress Test)

เป็นการทดสอบความสามารถของหัวใจในการทำงานขณะออกแรง ทำให้แพทย์สามารถตรวจพบความผิดปกติที่ไม่แสดงอาการในช่วงเวลาปกติหรือระหว่างพักผ่อนได้

การฉีดสีดูสภาพการไหลเวียนของหลอดเลือดหัวใจ

เป็นการตรวจสอบหัวใจโดยการฉีดสารทึบรังสีและเอกซเรย์ช่องทางเดินหลอดเลือดหัวใจ เพื่อตรวจสอบสภาพของหลอดเลือดหัวใจและการไหลเวียนของเลือดโดยละเอียด

การตรวจระดับความอักเสบของหลอดเลือด

เป็นการตรวจค่า High Sensitivity C-reactive Protein (Hs-CRP) เพื่อคัดกรองความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตั้งแต่เนิ่นๆ รวมถึงการพิจารณาปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น ภาวะดื้ออินซูลิน ระดับของเสียโฮโมซีสเตอีน ระดับอนุมูลอิสระ ระดับสารพิษโลหะหนัก และภาวะลำไส้รั่วซึมและการติดเชื้อแอบแฝง

การตรวจวัดระดับ TMAO  

การตรวจ TMAO เป็นวิธีใหม่ในการประเมินความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยใช้การเจาะเลือดเพื่อตรวจหาระดับ TMAO ในกระแสเลือด ซึ่งสามารถให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพหลอดเลือดและภาวะอักเสบภายในร่างกาย เพราะมีการศึกษาพบว่า ระดับ TMAO ที่สูงขึ้นในร่างกายนั้นจะสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยจะทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งและหนาตัวขึ้น  เกิดคราบพลัค  ทำให้เกล็ดเลือดจับตัวกันง่ายขึ้น เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดในหัวใจได้มากขึ้น

วิธีป้องกันหัวใจวายเฉียบพลัน

แม้โรคหัวใจจะอันตราย และส่งผลต่อชีวิตประจำวันได้ไม่น้อย แต่ก็เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ เพื่อลดความเสี่ยงและรักษาสุขภาพหัวใจให้แข็งแรง โดยมีวิธีการง่ายๆ ดังนี้

  • ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต: เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผักผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด โปรตีนจากพืช และปลา ลดอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง อาหารแปรรูป และมีน้ำตาลมากเกินไป
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: ออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือ 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ เพื่อลดไขมันสะสมและกระตุ้นการทำงานของหัวใจ
  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ: รักษาดัชนีมวลกาย (BMI) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่ให้เกินมาตรฐาน
  • งดบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์: การเลิกสูบบุหรี่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้อย่างมาก ในขณะที่การจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยรักษาสุขภาพหัวใจและตับให้แข็งแรงมากขึ้น
  • จัดการความเครียด: หาวิธีผ่อนคลายความเครียดที่เหมาะกับตัวเอง เช่น การทำสมาธิ โยคะ อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือการทำงานอดิเรกต่างๆ
  • นอนหลับให้เพียงพอ: นอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ร่างกายพักผ่อนและฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่
  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำ: ตรวจวัดความดันโลหิต ระดับน้ำตาลในเลือด และไขมันในเลือดเป็นประจำ เพื่อติดตามและควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อย่างเหมาะสม
  • เสริมภูมิคุ้มกัน: การดูแลระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง เช่น การออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือทานวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันผู้ใหญ่  จะช่วยป้องกันการอักเสบเรื้อรังที่เป็นสาเหตุของโรคหัวใจ
  • ปรึกษาแพทย์: หากอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาวะของแต่ละบุคคล โดยเฉพาะแนวทางการแพทย์บูรณาการที่เน้นการป้องกันตั้งแต่ยังไม่มีอาการ

การรู้จัก 10 อาการเตือนโรคหัวใจ และเข้าใจสาเหตุต่างๆ ล้วนเป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งช่วยให้เราสามารถดูแลสุขภาพของตัวเองได้ดีขึ้น เพียงแค่ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และตรวจสุขภาพเป็นประจำ

นอกจากนี้ ยังไม่ควรละเลยความเชื่อมโยงระหว่างโรคหัวใจกับโรคเรื้อรังอื่นๆ โดยเฉพาะโรคเบาหวานที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้ถึง 2-4 เท่า การปฏิบัติตาม 10 วิธีป้องกันโรคเบาหวาน การศึกษาเกี่ยวกับโรคเบาหวาน อาการ สาเหตุ วิธีป้องกันนอกจากจะช่วยป้องกันและรักษาโรคเบาหวานแบบองค์รวม ให้เบาหวานหายได้ง่ายนิดเดียวแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจไปพร้อมกัน รวมถึงผู้ที่มีปัญหาสมองเสื่อม อาการหลงลืมหรือโรคอัลไซเมอร์ อาการเริ่มต้นที่เกี่ยวข้อง ปัญหาหลอดเลือดสมองตีบ รักษาด้วยแนวทางที่คล้ายคลึงกับการดูแลหลอดเลือดหัวใจ  ทำให้การดูแลสุขภาพหัวใจจึงเท่ากับการป้องกันปัญหาสมองไปพร้อมกันด้วย

การควบคุมโรคอย่างเหมาะสมร่วมกับการดูแลสุขภาพหัวใจ จะช่วยให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีและลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ หากคุณพบว่าตัวเองมีอาการใกล้เคียงกับ 10 อาการเตือนโรคหัวใจหรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง อย่ารอช้าที่จะปรึกษาแพทย์ เพราะการดูแลตั้งแต่เนิ่นๆ คือกุญแจสำคัญในการมีสุขภาพที่ดีและชีวิตที่มีคุณภาพในระยะยาว

[Absolute Health] SEO OCT 01 02

ดูแลสุขภาพแบบองค์รวมกับ Absolute Health

Absolute Health คือ ศูนย์ดูแลรักษาสุขภาพแบบบูรณาการมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี ที่ผสมผสานการแพทย์แผนปัจจุบันกับการแพทย์ทางเลือกที่ผ่านการศึกษาและมีหลักฐานสนับสนุน เรามีทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ พร้อมการพัฒนาความรู้อย่างต่อเนื่องด้วยการประชุมแพทย์เพื่ออัปเดตข้อมูลทุกเดือน นอกจากนี้ การรักษาของเราเป็นการรักษาเฉพาะแต่ละบุคคล เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด

Absolute Health ให้การดูแลแบบองค์รวม ทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และวิถีชีวิต ไม่ว่าจะเป็น การแพทย์ชะลอวัย โดยแพทย์ชะลอวัยที่มีประสบการณ์ รักษาโรคเบาหวานแบบองค์รวม การเสริมภูมิคุ้มกัน รวมถึงการดูแลผู้ที่กังวลเรื่องฮอร์โมนตก วัยทอง สมองเสื่อม อาการต่างๆ ไปจนถึงหลอดเลือดสมองตีบและรักษา

ติดต่อเราวันนี้เพื่อรับคำปรึกษาจากทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการแพทย์บูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย 

Website: http://www.absolutehealth.co.th/  

E-mail: [email protected] 

Address: Absolute Health: Integrative Medicine

20/2-7 Ruam Rudee Village

Soi Ruamrudee, Ploenchit Rd., Lumpini, Pathumwan, Bangkok 10330

เวลาทำการ: จันทร์-อาทิตย์ เวลา 9.00 – 18.00 น.