Home / Medical Service / Illness / โรครูมาตอยด์
โรครูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) หรือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่งที่มีสาเหตุเกิดจากภูมิคุ้มในร่างกายทำงานผิดปกติ ไปทำลายเนื้อเยื่อบริเวณข้อต่อต่าง ๆ ของผู้ป่วยเอง ส่งผลให้เกิดการอักเสบบริเวณข้อต่อ หนึ่งข้อหรือ พร้อมกันหลาย ๆ ข้อโดยเฉพาะข้อต่อขนาดเล็ก เช่น นิ้วมือ นิ้วเท้า แต่ก็มีบางกรณีที่ลามมาถึงข้อเข่าและข้อที่ไม่น่าจะเป็น เช่นข้อต่อของกระดูกสันหลังได้เช่นกัน ซึ่งหากผู้ป่วยปล่อยให้ข้อที่อักเสบนั้นทิ้งไว้เป็นเวลานาน โดยไม่เข้ารับการดูแลรักษา ก็อาจจะทำให้ข้อเกิดการผิดรูป และการความพิการตามมาได้ ทั้งนี้ก็ยังพบว่ามีผู้ป่วยบางรายมีการอักเสบในจุดอื่น ที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายเช่น ผิวหนัง ดวงตา ปอดหัวใจและหลอดเลือดได้อีกด้วย
ในการดำเนินโรคของของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์นั้น จะมีอาการอย่างช้า ๆ ค่อยเป็นค่อยไป โดยผู้ป่วยบางรายนั้นกว่าจะแสดงอาการใช้ระยะเวลานานเป็นเวลาหลายสัปดาห์จนถึงหลายเดือน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีอาการที่เด่น ๆ คือมีอาการปวดตามข้อเล็ก ๆ โดยเฉพาะเมื่อตื่นนอนในตอนเช้าหลังจากที่ร่างกายของเราไม่ได้เคลื่อนไหวมาเป็นเวลานาน โดยอาการปวดนั้นจะย้ายตำแหน่งที่ปวดไปมา และเป็นอาการปวดแบบที่มีความสมมาตรกัน เช่นถ้าปวดมือขวา ต่อมาก็จะปวดมือซ้าย โดยจะเกิดขึ้นในตำแหน่ง มือ ข้อมือ ข้อศอก ข้อเท้า คอ และหลัง ร่วมกับอาการบวม แดง และมีอาการข้อฝืด
โดยทั่วไปแล้วในช่วงแรกของการเกิดโรค ผู้ป่วยมักจะไม่ทราบว่าอาการที่เป็นอยู่นั้น ใช่โรครูมาตอยด์หรือไม่ เพราะอาการเริ่มแรกที่แสดงออกนั้น จะใกล้เคียงกับอาการป่วยอื่น ๆ เหตุนี้ผู้ป่วยอาจต้องอาศัยการสังเกตให้มาก และเพื่อยืนยันโรค อาจจะต้องอาศัยการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่นการตรวจเลือด ตรวจน้ำไขข้อ ตรวจเยื่อบุข้อ ตรวจภาพถ่ายทางรังสีข้อต่อ ซึ่งเป็นการตรวจหลัก ๆ ที่ใช้ในทางการแพทย์แผนปัจจุบันเพื่อแยกโรค และในแนวทางการแพทย์แบบบูรณาการก็จะแนะนำการตรวจวิเคราะห์จุลินทรีย์ในลำไส้ และการตรวจภาวะแพ้อาหารแอบแฝงชนิด IgG เพื่อตรวจดูว่าอาหารประเภทใดที่เรารับประทานอยู่เป็นประจำ เป็นปัจจัยที่จะไปกระตุ้นการอักเสบที่มากขึ้น เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงอาหารซึ่งเป็นต้นเหตุของการอักเสบนั้นได้อย่างตรงจุด เพราะในทางการแพทย์แบบบูรณาการนั้น จะไม่ได้เน้นการทานยาเพียงอย่างเดียว แต่จะเน้นถึงการดูแลแบบองค์รวม ทั้งเรื่องของปรับอาหาร ร่วมกับแนวทางอื่น ๆ เพื่อเสริมรักษา ลดการอักเสบลง เพิ่มความแข็งแรงของระบบลำไส้ และสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ลดปริมาณการใช้ยาลง เพราะการรักษาด้วยหลายชนิด ในระยะยาวอาจจะส่งผลข้างเคียงต่อตับไต และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยได้ ดังนั้นการรักษาเสริมด้วยการพึ่งพายาให้น้อยที่สุด จึงมีประโยชน์มากกับผู้ป่วยโรครูมาตอยด์
ผู้ป่วยโรครูมาตอยด์ทุกคนจำเป็นที่จะต้องได้รับการรักษา เพราะหากไม่รักษาแล้วจะส่งผลต่อความพิการผิดรูปผิดร่างของข้อต่อ และมีโอกาสข้อติดแข็งใช้งานไม่ได้ ซึ่งส่งผลร้ายต่อคุณภาพการดำเนินชีวิตค่อนข้างมาก
โดยทั่วไปแล้วการรักษาโรครูมาตอยด์นั้น จะเน้นที่การควบคุมโรคด้วยยาเป็นหลักโดยประกอบไปด้วย กลุ่มยาสเตียรอยด์ กลุ่มยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ กลุ่มยากดภูมิต้านทาน กลุ่มยาเปลี่ยนแปลงการดำเนินโรค และกลุ่มยาชีวภาพ ซึ่งมีฤทธิ์ต้านทานการแสดงออกที่ผิดปกติของภูมิต้านทานอย่างเฉพาะเจาะจง แต่ก็พบว่าผู้ป่วยโรครูมาตอยด์จำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงยากลุ่มชีวภาพ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงได้ด้วยเหตุผลเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูง ส่งผลให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ก็ยังคงได้รับยากลุ่มก่อนหน้านี้ โดยที่ยาหลายตัวนั้นอาจส่งผลข้างเคียงในระยะยาวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งส่งผลที่ตาและการมองเห็น ส่งผลต่อตับ ส่งผลที่ไตทำให้ไตเสื่อม ส่งผลต่อหัวใจทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ และบางครั้งก็ยังส่งผลให้ผู้ป่วยนั้นเกิดภาวะเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ โดยนับว่าส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรครูมาตอยด์เป็นอย่างมาก
ขณะที่ยากลุ่มชีวภาพนั้นแม้จะมีประสิทธิภาพสูง พบผลข้างเคียงไม่มากแต่ในบางกรณีก็เกิดผลข้างเคียงเช่นการติดเชื้อขั้นรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ยากลุ่มนี้จึงถูกจัดเป็นยากลุ่มที่ 3 หรือ 4 เมื่อยากลุ่มแรก ๆ ที่ได้รับไม่เห็นผล หรือผู้ป่วยไม่สามารถทนต่อผลข้างเคียงของยากลุ่มแรก ๆ ได้เท่านั้น
ฉะนั้นเมื่อการรักษาต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไปและต้องทานยาอย่างยาวนานโดยที่ไม่รู้ว่าจะหยุดได้เมื่อไหร่ การรักษาโดยเลี่ยงการพึ่งพายาให้น้อยที่สุดจึงเป็นทางออกของปัญหาเหล่านี้
ในทางการแพทย์แบบบูรณาการนั้น มองว่าโรครูมาตอยด์เป็นความผิดปกติของภูมิต้านทานชนิดหนึ่งมีสาเหตุ ได้หลากหลายเช่น สารพิษตกค้าง การอักเสบในร่างกาย พันธุกรรม โดยมักพบว่าสัมพันธ์กับระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่เคยได้รับยาปฏิชีวนะนาน ๆ แล้วเกิดภาวะเสียสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ที่ต่อมาเกิดการอักเสบจากจุลินทรีย์ก่อโรค ทำให้เซลล์ผนังลำไส้เกาะตัวกันไม่แน่น (เกิดภาวะ Leaky Gut ) ซึ่งส่งผลให้อาหารที่ย่อยไม่ละเอียดเป็นโมเลกุลใหญ่อยู่ ถูกดูดซึมเข้าไปกระทบกับระบบน้ำเหลืองในลำไส้และเกิดการสร้างภูมิต้านทานขึ้นมา
โดยภูมิต้านทานและโมเลกุลของอาหาร ล่องลอยไปในกระแสเลือด ไปกระตุ้นที่ระบบของข้อต่อ และก่อให้เกิดปฏิกิริยาเฉพาะที่ ในระบบข้อต่อ โดยพบว่าในบางกรณีภูมิต้านทานผิดปกติชนิดรูมาตอยด์ อาจจะเกิดจากการติดเชื้อจุลินทรีย์ชนิดเรื้อรัง โดยที่ผู้ป่วยไม่มีอาการมาก เช่น มีเชื้อจุลินทรีย์บางชนิดเจริญเติบโตมากขึ้นในกระเพาะปัสสาวะหรือมีเชื้อจุลินทรีย์บางชนิดเจริญเติบโตมากขึ้นในทางเดินอาหาร และส่งผลทำให้เกิดปฏิกิริยาข้ออักเสบขึ้นได้
ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้มีการตรวจจุลินทรีย์ของลำไส้ในกระเพาะปัสสาวะเพื่อแยกเชื้อและหาทางรักษา มีการตรวจภาวะความไวต่ออาหารบางชนิด ซึ่งกระตุ้นให้เกิดภูมิต้านทานผิดปกติก่อการอักเสบที่ผิวข้อ ผู้ป่วยบางรายมีสารโลหะหนักที่ไปกระตุ้นการอักเสบซึ่งก่อให้เกิดโรคคล้ายกับโรครูมาตอยด์
ด้วยข้อมูลดังกล่าวแนวทางการแพทย์บูรณาการจึงให้ความสำคัญกับการตรวจลงลึก ไปถึงต้นเหตุของการเกิดโรค และรักษาตามสาเหตุ มากกว่าที่ควบคุมอาการ เพราะการควบคุมอาการ เป็นหน้าที่ในส่วนของการแพทย์แผนปัจจุบันอยู่แล้ว
ด้วยแนวทางการดูแลและคำแนะนำด้านการปฏิบัติตัวทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เชื่อว่าจะเป็นอีกหนทางในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้ป่วยโรครูมาตอยด์ได้อย่างยั่งยืนและยาวนานโดยไม่ต้องพึ่งการทานยาเพียงอย่างเดียว
แอ็บโซลูท เฮลธ์ คลินิค
20/2-7 โครงการร่วมฤดีวิลเลจ
ซอยร่วมฤดี ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
เวลาทำการ
จันทร์-อาทิตย์ เวลา 9.00 น. – 18.00 น.
E-mail: [email protected]