เมื่อเข้าสู่งสังคมผู้สูงอายุ สิ่งที่ทุกคนและคนที่มีผู้สูงวัยอยู่ในครอบครัวต้องเจอก็คือ โรคภัยไข้เจ็บ และปัญหาสุขภาพที่สะสมไว้ตั้งแต่วัยทำงาน จนเข้าสู่วัยชรา ซึ่งปัญหาที่น่ากังวลใจของผู้สูงวัยนั้นมีมากมายทั้งโรคเรื้อรังต่าง ๆ ที่เราคุ้นเคยเช่น เบาหวาน ความดัน ไขมัน แต่รู้หรือไม่ ว่านอกจากโรคที่คุ้นเคยเหล่านี้แล้ว โรคของความเสื่อมทางสมองที่คนในปัจจุบันเริ่มเป็นกันเยอะ ก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มปัญหาสุขภาพที่น่ากังวลเช่นกัน บทความนี้มีเช็กลิสต์ 3 ปัญหาสุขภาพที่ผู้สูงอายุ ต้องเจอมาให้ได้รู้จัก เพื่อเฝ้าระวังและป้องกัน
#โรคหลอดเลือดสมอง หรือที่เรียกกันว่า #โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต มีสาเหตุมาจากหลอดเลือดในสมองตีบ อุดตันและมีเลือดออกในสมอง เมื่อผู้ป่วยมีอาการของโรคหลอดเลือดสมอง ผลที่ตามมาก็คือ เซลล์สมองจะถูกทำลาย ทำให้สมองส่วนที่ควบคุมสูญเสียการทำหน้าที่ ขั้นรุนแรงก็เสียชีวิต รองลงมาคือพิการถาวร หรือ พิการที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวนาน พูดไม่ชัด ควบคุมตนเองไม่ได้ มีความผิดปกติทางอารมณ์ หัวเราะ ร้องไห้แบบไม่มีเหตุผล เข้าสังคมลำบาก เกิดอาการปวดโดยไม่ทราบสาเหตุเนื่องจาก ศูนย์ควบคุมการทำงานในสมองทำงานผิดปกติ รวมไปถึงมีอาการหลงลืม คล้ายกับอัลไซเมอร์ เนื่องจากสาเหตุของหลอดเลือดที่อุดตัน
โรคถัดมาที่ต้องกังวลในผู้สูงอายุและมีความเกี่ยวเนื่องกับโรคแรก ก็คือ โรคพาร์กินสัน เพราะโรคหลอดเลือดสมองและโรคพาร์กินสัน เพราะเป็นโรคที่มีผลต่อการทำงานของสมองและระบบประสาท โดยมีความเชื่อมโยงกัน ในแง่ของการที่มีผลต่อระบบประสาทเหมือนกัน อาการแสดงที่คล้ายคลึงกัน เช่น การเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ ความอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ และปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคที่มีความใกล้เคียงกัน เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และการสูบบุหรี่ เป็นต้น
โรคพาร์กินสัน เป็นภาวะความเสื่อมของเซลล์สมอง ในส่วนก้านสมองที่เรียกว่า ซับสแตนเชียร์ไนกร้า พาร์ คอมแพกต้า (Substantia Nigra Pars Compacta) ซึ่งเซลล์สมองนั้นมีหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหว จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนไข้พาร์กินสันจึงมีอาการสั่น เกร็ง เคลื่อนไหวช้า ซึ่งส่วนใหญ่จะพบในผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป หากไม่รักษาส่วนใหญ่จะเกิดอัลไซเมอร์ตามมา
โรคอัลไซเมอร์ เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดหนึ่ง ซึ่งพบได้บ่อยที่สุด โดยจะมีการเสื่อมของเซลล์สมองทุกๆส่วน ผู้ป่วยจะสูญเสียความจำโดยเฉพาะความจำที่เพิ่งเกิดใหม่ ๆ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเอง ไม่สามารถแยกแยะถูกผิด มีปัญหาในเรื่องการใช้ภาษา การสื่อสาร สูญเสียความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน ความจำเสื่อม ในระยะท้ายของโรคจะสูญเสียความจำทั้งหมด สับสน ก้าวร้าวรุนแรง หรือเกิดภาพหลอนและเสียชีวิตในที่สุด
โรคเหล่านี้นับว่าเป็นโรคยอดฮิตลำดับต้นของที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตผู้ป่วย เพราะเมื่อเป็นแล้วจะส่งผลให้ผู้ป่วยไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวัน เดิน หรือเคลื่อนไหว ได้ตามปกติ นับว่าส่งผลต่อการใช้ชีวิตและคุณภาพชีวิตเป็นอย่างมาก
แม้หลายคนจะมองว่าโรคเหล่านี้เป็นโรคร้ายแรง บางคนเป็นแล้วอาจจะหมดกำลังใจในการสู้กับโรค แต่รู้หรือไม่ว่าหากดูแลตนเองอย่างถูกวิธีก็สามารถฟื้นตัวได้เช่นกัน
ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ และการนำความรู้จากหลายศาสตร์ทางการแพทย์เข้ามาผสมผสาน ทำให้เราสามารถวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับเฉพาะบุคคล โดยมุ่งเน้นเข้าไปแก้ต้นเหตุของปัญหา เพื่อซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมไปแล้วให้มีโอกาสกลับมาทำงานได้สูงสุด ด้วยวิธีการ ดังนี้
ทุกๆ การรักษาเราจะพิจารณาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อให้แต่ละบุคคลได้รับการดูแลรักษาที่รากเหง้าของปัญหาอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่รักษาตามชื่อโรค หรือตามอาการของโรค เพราะเราเชื่อว่า การรักษาที่ดีที่สุดนั้น ต้องเริ่มจากการดูแลให้ร่างกายคนไข้เกิดประสิทธิภาพในการฟื้นฟูตัวเองได้สูงสุดนั่นเอง